เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๕ มิ.ย. ๒๕๕๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ เราแสวงหาสัจธรรมเราแสวงหาความจริงกัน เราเกิดมาเป็นมนุษย์ไง จะพิสูจน์ว่าสัจธรรมสัจธรรมความจริง ความจริงมันเป็นอย่างไรไง

เวลาความจริงแบบของเรา ความจริงแบบนี้เขาเรียกว่าสมมุติความจริงโดยสมมุติไง ถ้าความจริงโดยสมมุติมันอยู่ในกฎของอนิจจังถ้ามันอยู่ในกฎของอนิจจัง คนเรา กฎของอนิจจังมันเปลี่ยนไปทางดีก็ได้ เปลี่ยนไปทางชั่วก็ได้

คนเรานะถ้ามีสติปัญญา ดูเด็กวัยรุ่นของเขา เขารักบ้านเกิดของเขา เขาตั้งเป็นกลุ่มเป็นก้อนของเขา เขาทำความสะอาดผู้ใหญ่ไปเห็นแล้วชมเชยมากนี่เขารักบ้านเกิดของเขา เขาทำความสะอาดบ้านเกิดของเขาเขาดูแลบ้านเกิดของเขา เพราะเขารักบ้านเกิดของเขา ทุกคนถึงชื่นชมเขาแล้วชื่นชมเขาเขาคิดถึงคุณงามความดีของเขา ถ้าเขาทำคุณงามความดี ความดีมันเกิดที่ไหนล่ะ มันเกิดจากความดำริของเขา เกิดจากความเห็นของเขา

เด็กๆ มันยังรักบ้านเกิดของมันเลย ถ้ารู้จักรักบ้านเกิดเรากลับมาฟื้นฟูกลับมาดูแลบ้านเกิดของเรา บ้านเกิดของเราอย่างไรจะไปอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่มันคิดถึงถิ่นเกิดดูสิ แม้แต่สินค้าที่เขาส่งขายรอบโลก เขาต้องมีถิ่นเกิดของมันถิ่นกำเนิดของมัน จะได้สาวได้ว่ามันมาจากไหน

แล้วคนมาจากไหน เวลาเกิด เกิดจากพ่อจากแม่ แต่ถ้าทางธรรม เกิดจากเวรจากกรรมไง เกิดจากเวรจากกรรม ดูสิเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ ๔อสงไขย ๘อสงไขย ๑๖อสงไขย ทำคุณงามความดีมาตลอด ทำคุณงามความดีตลอดไง ถ้าคุณงามความดีมันไม่ต่อเนื่องมาจากจิตดวงนั้นจะเป็นพระโพธิสัตว์ได้อย่างไร

เวลาเป็นพระโพธิสัตว์ขึ้นมา เกิดที่สวนลุมพินี “เราเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย” ทั้งๆ ที่เกิดมายังไม่ได้แต่งงานกับนางพิมพา“เราจะเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย” ด้วยอำนาจวาสนาบารมีอันนั้นไง ด้วยการกระทำอันนั้นไง

ถ้าพูดถึงทางธรรมๆ เวลาเกิด เกิดจากการกระทำของเราทั้งสิ้น เกิดจากคุณงามความดีของเราทั้งสิ้น เกิดมาแล้ว คนมีดีมีเลวในตัวมันเอง ถ้ามีดีมีเลวในตัวเอง กรรมถึงเป็นอจินไตย เวลากรรมเป็นอจินไตย เวลามันจะสนองกรรมเก่ากรรมใหม่

เวลาบอกว่าเรื่องกรรมๆเราก็ผลักไปให้แต่ความเลวทั้งนั้นเลย แล้วคุณงามความดีล่ะพระโพธิสัตว์ทำคุณงามความดีมาตลอด คุณงามความดีมันก็กรรมเหมือนกันกรรมดีไง แล้วกรรมดี กรรมดีในภาคปัจจุบันนี้ไง

รักบ้านเกิดๆ เพราะเขารักบ้านเกิดของเขา เขาถึงมีความกตัญญูกตเวทีของเขาเขาถึงสำนึกในตัวของเขา ถ้าสำนึกในตัวของเขาได้ ถ้าเขารักบ้านเกิดของเขาได้ เขาจะคิดถึงพ่อถึงแม่ของเขาได้ คิดถึงชาติตระกูลของเขาได้ เพราะเขาคิดถึงชาติคิดถึงตระกูลของเขาเขาถึงมีความกตัญญูไง ถ้ามีความกตัญญู

คนเราถ้ามันทำคุณงามความดี มันเหมือนสิ่งมีชีวิตๆ สิ่งมีชีวิตมันต้องมีสามัญสำนึกสามัญสำนึกก็ทำคุณงามความดีไง แต่สิ่งที่มีชีวิตมันต้องปากกัดตีนถีบเพื่อหาอยู่เลี้ยงปากเลี้ยงท้องเท่านั้นสิ่งที่ได้มาๆ ขอให้ได้มาเถอะ จะดีจะเลวขอให้มันได้มา นั่นคือความสามารถของเรา นั่นเป็นความคิดไง แต่ถ้าเป็นความจริงๆ มันต้องมีคุณธรรม การได้มาด้วยสุจริตธรรม เราจะภูมิใจของเรามาก

ดูพระสิทางโลกมองกันด้วยสายตาของเขา “พระไม่ต้องทำสิ่งใดเลย สิ่งใดก็ได้มา”

มันจะได้มาอย่างไรถ้าเขาไม่ใส่บาตรมันจะได้มาอย่างไรถ้าสังคมเขาไม่มีศรัทธาความเชื่อของเขา เราไปร้านอาหาร เราสั่งอาหาร ร้านอาหารที่อาหารเขาหมดแล้วเราไปซื้อก็ซื้อไม่ได้ไม่มีหรอก เวลาศูนย์การค้าไม่มีสินค้า ไปซื้ออะไรก็ไม่ได้ แต่นี่มันเจตนาของเขา เจตนาของเขา สังคมไทยเขาเตรียมอาหารมาตั้งแต่เย็นวานนู่นน่ะ นี่เจตนาของเขาเขาคิดของเขามันบุญกุศลของเขาตลอดเวลา

เวลาเราบิณฑบาตไปนี่สัมมาอาชีวะเลี้ยงชีพชอบเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง ไม่ได้บอกไม่ได้กล่าวใครทั้งสิ้น มันเป็นเจตนาของเขาเขาปรารถนาของเขา มันเป็นสัมมาอาชีวะสัมมาอาชีวะที่สะอาดบริสุทธิ์มาก ที่สะอาดบริสุทธิ์นะ ไม่มีสิ่งใดๆ เจือปนเลย ถ้าสัมมาอาชีวะถ้าได้สิ่งนี้มา ได้สิ่งนี้มาแล้ว เวลาทำภัตกิจๆ เวลาพระตักอาหารใส่บาตรๆ นี่กรรมฐานๆ

เวลาคนของเรา ดูทางโลกสิ เวลาเขาไปร้านอาหารเขาต้องมีเสียงเพลงขับกล่อมเขาต้องมีคนคอยป้อนคอยอะไร มันเปิดทวารทั้งหมดอายตนะมันเปิดหมด

นี่ก็เหมือนกัน เวลามันหิวมันกระหาย พระฉันมื้อเดียว เช้าไปบิณฑบาตมากลับมาเหงื่อไหลไคลย้อย มันมีความกระหายธาตุขันธ์มันต้องการทั้งนั้นน่ะ สิ่งใดมา ตามันมองแล้ว จะตักอันไหนก่อนแต่ถ้ามีสติปัญญานะ เวลาจะฉันขึ้นมา ปฏิสงฺขา โยฯ พระถ้าไม่พิจารณาก่อนฉันเป็นอาบัติทุกกฏ

อาบัติพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้เลย ถ้านุ่งห่มปัจจัยเครื่องอาศัย ไม่ปฏิสงฺขา โยฯด้วยสติสัมปชัญญะปรับอาบัติทั้งนั้นเลย สิ่งนี้เพราะให้พิจารณาไงเวลานุ่มห่มจีวรเพื่อกันการละอายแก่เขากันเหลือบ กันยุงกันริ้น กันไร เรื่องกันหนาว กันร้อนเวลาจะอยู่จะอาศัย เราได้มาด้วยอย่างไร

นี่เหมือนกัน เวลาเราจะตักอาหารๆ ได้มา ตักอาหารมันได้พิจารณาของมัน ถ้าพิจารณาของมันถ้ามันมีสามัญสำนึก คนเราถ้ามีสติปัญญา คนเหมือนคน เขาบอกว่ายกมือไหว้ไม่เคยโดนพระเลย ลูกชาวบ้านๆ

ลูกชาวบ้านเขาญัตติจตุตถกรรมขึ้นมา มันจะลูกชาวบ้านที่ไหน มันศากยบุตรพุทธชิโนรส ลูกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่างหาก

เวลาเป็นลูกของเรา ลูกในบ้านของเราเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา เราส่งเลือดเนื้อเชื้อไขของเราไปค้ำจุนศาสนา เวลาบวชเป็นพระขึ้นมานี่ค้ำจุนศาสนา เป็นญาติกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เราเอาลูกไปเป็นญาติกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเป็นญาติกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันได้บุญ ได้บุญอย่างนี้

เวลาคนเขาบวช สังคมประเพณีวัฒนธรรมของเรา เราจะบวชลูกบวชหลานกันบวชลูกบวชหลาน เกาะชายผ้าเหลืองๆเพราะได้ไปเป็นญาติกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นญาติกันโดยธรรมและวินัย

แต่ถ้าประพฤติปฏิบัติขึ้นมาตามความจริงขึ้นมา ถ้ามันสำนึกถิ่นเกิดสามัญสำนึกถึงบ้านของเรา รู้บุญรู้คุณ มันจะมีสามัญสำนึกคิดถึงตัวเราได้จะทำอย่างไรมันจะเห็นว่า ไม่ใช่ว่าสิ่งใดจะได้มาๆ ด้วยการได้มาโดยจะดีจะเลวไม่สำคัญสำคัญขอให้ได้มา

แต่เวลาของเราบิณฑบาตมาเลี้ยงชีพได้มาเต็มบาตรเลยเวลาผ่อนอาหารเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาท่านสอนเรื่องการประพฤติปฏิบัตินะ ก่อนอิ่ม ๓ คำ ให้กินน้ำเข้าไป ไม่ให้ฉัน

แม้แต่ฉันอาหารท่านยังไม่ให้อิ่มจนเกินไปเลย ท่านจะให้เพราะอะไรเพราะฉันเพื่อดำรงชีพไว้เฉยๆไง แต่งานของพระๆ งานของพระนะ เวลาเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา จะรื้อภพรื้อชาติไง นี่ไง ที่ว่ามนุษย์เกิดมาจากไหน เกิดมาอย่างไร แล้วเกิดมา มาอยู่เพื่ออะไร แล้วจะไปไหนต่อ

เวลาพูดถึง นี่หลักของศาสนา พระกรรมฐาน พระกรรมฐานเวลาพูดเขาพูดถึงที่สุดแห่งทุกข์ พูดถึงสัจธรรมๆสัจธรรมกับธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลักของศาสนาอยู่ตรงนี้หลักของศาสนาอยู่ที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย

ไม่เกิดไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายโดยปฏิเสธวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ปฏิเสธทางโลกทั้งหมดปฏิเสธวัฏฏะทั้งหมด ปฏิเสธพระเจ้าทั้งหมดปฏิเสธหมดเลยเวลามารื้อค้นขึ้นมา รื้อค้นด้วยมรรค ๘ ด้วยศีลด้วยสมาธิ ด้วยปัญญาของเราสัจธรรมๆ อยู่ที่นี่ถ้าสัจธรรมอยู่ที่นี่ แล้วเราจะเริ่มต้นที่ไหน

จะไปศึกษามากน้อยมาขนาดไหน ๙ประโยค ๑๐ประโยค ศึกษามาขนาดไหนก็ศึกษามาไม่รู้ ๙ประโยค ๑๐ประโยคไปถามครูบาอาจารย์เราประจำ “ผมศึกษามาหมดผมรู้หมดเลยแล้วจะให้ผมเริ่มต้นทำอย่างไร”

เขาศึกษามาให้ปฏิบัติ แล้วเวลาปฏิบัติขึ้นมาศึกษามาความรู้มหาศาล เข้าทางจงกรม “อู้ฮู! ของมันเล็กน้อยอู้ฮู! ความรู้ฉันมาก ฉันมีความรู้ท่วมโลกเลย” แต่จะมาเดินจงกรม “ไอ้นี่มันงานของกรรมกรน่ะ เป็นงานของการอาบเหงื่อต่างน้ำ มันไม่ใช่หน้าที่ของเราไม่ใช่หน้าที่ของเรา”

ศาสนาไหนไม่มีมรรคศาสนานั้นไม่มีผล ถ้าจิตใจดวงใดไม่มีการกระทำ ไม่มี ไม่มีหรอก จำมาทั้งนั้น มันจำมาแล้วไม่จำมาธรรมดาจำมาแล้วกล่าวตู่เสียด้วยนะกล่าวตู่พุทธพจน์นี่นะ ถ้าภิกษุสวดถึง ๓ หน คือเตือน ๓ หน ถ้าไม่ละความเห็นนั้นเป็นอาบัติสังฆาทิเสส เป็นอาบัติสังฆาทิเสส อาบัติหนักเลย นี่เวลากล่าวตู่พุทธพจน์บิดเบือนไง สิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนไปตัดทอน

สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนเป็นสัจจะทั้งนั้นน่ะ เอกํ นาม กึหนึ่งไม่มีสอง ในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดสิ่งใดเป็นสิ่งนั้น พูดคำใดเป็นคำนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีพูดคำที่แตกเป็นสองเป็นสาม ไม่มี คำไหนคำนั้น แล้วคำไหนคำนั้น เพียงแต่พวกเรามันตีความไม่ออกมันตีความขึ้นมามันก็จะจินตนาการไปทั้งนั้นน่ะ แล้วจินตนาการไปยิ่งความรู้มากๆอย่างนี้ยิ่งขยายความ ตีความร้อยแปด แต่เอาจริงๆ ก็ไม่รู้จักตัวเอง เพราะไม่รู้จักสำนึกถิ่นเกิดไม่เห็นคุณของที่เกิด ไม่เห็นคุณของสิ่งที่มีคุณกับเรา

ที่ไหนเขามีคุณกับเรานะเราต้องระลึกถึงที่ไหนเขามีคุณกับเรา เราต้องสำนึกบุญคุณของเขา ถ้าบุญคุณของเขา ชีวิตนี้ได้มาอย่างไรทั้งๆ ที่สิ่งที่เราได้มาๆ ได้มาด้วยการกระทำทั้งนั้นแต่ทำที่ไหนล่ะ

เวลาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พวกที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่มันมีโอกาสได้ทำบุญกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหมเพราะได้ทำบุญกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหนหนึ่งได้เข้าไปใกล้ชิดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหนหนึ่ง เวลาตายไป บุญกุศลนั้นส่งไปเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหมก็ไปเป็นเทวดาพาลอยู่บนนั้นน่ะเพราะอะไรเพราะว่าเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่แล้ว เทวดาพาลพาลมันก็ไปเบียดเบียนพวกเทวดาด้วยกันมันไม่มีความสุขทั้งนั้นน่ะ อันนี้มันเป็นเพราะอะไรล่ะ มันเป็นเพราะเราไม่ได้เข้ามาถึงตัวของเราไง มันเป็นเรื่องผลของทาน

เวลาจะประพฤติปฏิบัติขึ้นไป เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการ อนุปุพพิกถาก่อนเลยต้องให้เขาเสียสละของเขา เสียสละทานของเขาถ้าเขาสละทานของเขา เขาเห็นประโยชน์ของเขา เพราะการเสียสละอย่างนั้นมันเห็นความยิ้มแย้มแจ่มใสของคนรอบข้าง ถิ่นเกิดของเราได้พัฒนาของเราขึ้นมา มันมีความสุขมีความสงบ แล้วความสุขความสงบเกิดจากใครล่ะเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเราเกิดจากน้ำใจของเรา หัวใจมันเป็นอย่างไรล่ะหัวใจมันก็มีบุญไง ถ้าหัวใจมีบุญขึ้นมา เราจะพูดกันได้ เราจะเจรจาสิ่งใดก็ได้เพราะหัวใจของเรามันเปิดกว้างไง

แต่ถ้าเราตระหนี่ถี่เหนียวของเรานู่นก็ของเรา นี่ก็ของเรา ของเราทั้งนั้น เก็บสะสมไว้ไม่ให้ใครเลย แล้วก็ว่าของกูๆ แล้วก็ไม่ได้ใช้สอยด้วย คนอื่นก็ไม่ได้ด้วย แต่ถ้ามันเสียสละของมันไปนะ ของเราๆ ก็ของเรานี่แหละ แต่จะเสียสละขึ้นมาให้คนอื่นเขาได้ใช้ได้สอย ให้คนอื่นเขาได้ความร่มเย็นเป็นสุขด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา นี่เสียสละทาน ถ้าทาน มันฝึกหัดเสียสละของมัน

ถ้าเป็นวัตถุนะ เพราะมันเสียสละทานขึ้นไปแล้ว เวลาฟังธรรมๆ มันก็ เออ! ชักเข้าหูเนาะเมื่อก่อนไม่ได้นะเวลาชวนกันไปน่ะ หึ! ได้อย่างไรนี่ของกูๆ...ใช่ มันของของเรา ถ้าไม่ใช่ของของเรา เราจะเอาอะไรมาเสียสละทานล่ะ ก็น้ำพักน้ำแรงเราทั้งนั้นแหละ เพราะน้ำพักน้ำแรง แต่จิตใจมันสูงส่งจิตใจสูงส่งกว่าของสิ่งนี้ไง

ตระหนี่ถี่เหนียว จิตใจมันต่ำต้อยไงต่ำต้อย ให้วัตถุเป็นขี้ข้ามันสร้างบ้านเสียใหญ่โตเลยนะเอาให้คนใช้มันอยู่ ไม่เคยได้อยู่บ้านเลย นี่ของกูๆ แล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์มันเลย บ้านใหญ่โตเลย จ้างเขาเฝ้าแล้วพอเผลอ เขาลักอีกต่างหาก มีแต่ความทุกข์ความยากไปแบกหามทั้งนั้นน่ะ

ถ้าเสียสละไป เสียสละเพื่อประโยชน์เขาใช้สอยประโยชน์ขึ้นมาโอ้โฮ! มันชื่นบาน มันชื่นใจ นี่ไง ทาน ถ้ายังไม่สำนึกถิ่นเกิด มันทำไม่ได้มันจะทำได้ มันสำนึกถิ่นเกิดของมันเพื่อความเจริญงอกงาม เพื่อความดีงามของเรา

ชีวิตนี้ได้มาจากไหน ชีวิตนี้ได้มาจากพ่อจากแม่ ชีวิตนี้ได้มาจากการกระทำของเรา จิตวิญญาณของเรามันมีบุญกุศลมันถึงมาเกิดเป็นมนุษย์ ถ้าเกิดมันก็สายบุญสายกรรม ถ้าไม่มีสายบุญสายกรรมมันจะเกิดที่ไหน คนไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ คนต้องมีพ่อมีแม่ แล้วถ้าพ่อกับแม่กับลูกมันสัมพันธ์กันอย่างไรมามันถึงมาเกิดร่วมกันมันต้องมีเวรมีกรรมต่อกัน

อภิชาตบุตร บุตรที่ดีกว่าพ่อกว่าแม่ ถ้าบุตรที่มีเวรมีกรรมต่อกัน เกิดมาแล้วพ่อแม่น้ำตาไหลทั้งนั้นน่ะเกิดมาบีบหัวใจพ่อแม่ แต่พ่อแม่ก็ต้องดูแลทั้งนั้นน่ะ นี่มันเรื่องเวรเรื่องกรรมทั้งสิ้นแต่มาเกิดแล้วมันก็ลูกเราทั้งนั้นน่ะ แล้วลูกเราถ้ามันมีสติปัญญาขึ้นมา มันทำประโยชน์เพื่อเราไง ถ้ามันสำนึกถิ่นเกิด มันสำนึกถึงตัวมันเอง มันสำนึกๆเพราะความสำนึกมันคือสติถ้ามีสติมีปัญญาขึ้นมา คนจะพัฒนาขึ้นมาได้ถ้าพัฒนาขึ้นมาได้ ฟังธรรมๆ ฟังธรรมเพื่อเหตุนี้นี่ฟังธรรมระดับของทานนะ

ระดับของศีล ศีลคือความปกติของใจ

ระดับของสมาธิ สมาธิมีความสุขใจ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี ความสุขในโลกนี้ที่เขาแสวงหาความสุขกันทั้งหมด สู้ความสุขความสงบของใจไม่ได้แล้วเวลาสงบแล้วต้องยกขึ้นสู่วิปัสสนาวิปัสสนา นี่ไงหลักของพระพุทธศาสนามันอยู่ตรงนี้ ตรงที่จิตสงบแล้วเพราะจิตสงบฤๅษีชีไพรก็ทำได้ลัทธิศาสนาไหนก็ทำได้ สมาธิใครๆ ก็ทำได้ แต่มันทำแล้วเป็นมิจฉา มิจฉาเพราะอะไรเพราะมันถือตัวถือตนว่ามันทำสมาธิแล้วมันเก่งมันแน่ มันยอดเพราะมันมีความสุขแล้วไง มีความสุขก็ตายอยู่นี่ไง มีความสุขก็สุขแค่นี้ไง

แต่ถ้ายกขึ้นสู่วิปัสสนาเข้าสู่อริยสัจแล้วสติปัฏฐาน ๔ ไงทุกข์ สมุทัยนิโรธ มรรคไงถ้ามันจะเข้าสู่ตรงนั้น ถ้าเข้าสู่ตรงนั้นเข้าสู่หลักศาสนาพุทธพระพุทธศาสนาสอนที่นี่ สอนถึงอริยสัจ สอนถึงสัจจะความจริง

เรื่องทานๆ มันเป็นเบสิก มันเป็นพื้นฐานให้คนเปิดกว้างไง ให้คนเรามีสามัญสำนึก ให้คนเป็นคนไง ไม่ให้คนเป็นสัตว์สัตว์เวลามันมีกำลังขึ้นมา มันกัดกัน คนมันทำร้ายกันๆ แต่ถ้ามันมีศาสนาในหัวใจขึ้นมา มันไม่ทำร้ายกัน เราจะเจือจานต่อกันเราจะสร้างอำนาจวาสนาบารมีของเราเรามีสิ่งใดเราเสียสละให้เขาไป

เสียสละให้เขาไปเขาว่าคนโง่ๆ...เอ็งน่ะโง่ คนเสียสละเขามีสติมีปัญญา เขาฉลาด เขาฉลาดหัวใจเขาสูงส่งกว่า สิ่งที่เขากำอยู่ น้ำพักน้ำแรงของคนทั้งนั้นน่ะเขาจะสร้างอำนาจวาสนาบารมีของเขาทำไมเขาจะไม่รู้เพราะเขารู้ เขามีสติปัญญา เขามีเจตนาที่ดีเขาถึงเสียสละออกไปนี่เสียสละไป นี่ไงมันพัฒนาใจตรงนี้ ใจมันพัฒนาอย่างนี้พันธุกรรมของจิตมันพัฒนาอย่างนี้

พระโพธิสัตว์สละชีวิตๆ เลย ในพระไตรปิฎก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสละชีวิตๆเพื่อหมู่คณะ เพื่อคน เสียสละมามหาศาล เพราะการเสียสละอย่างนั้นขึ้นมาถึงได้ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราถึงได้มาเคารพบูชาเป็นศาสนาประจำชาติของเราไงแล้วศาสนาประจำชาติขึ้นมา เราศึกษาขึ้นมาเพื่อประโยชน์กับเราไง

แล้วถ้าผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคตเราก็จะไปเที่ยวที่อินเดียกันไงจะไปสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ไงแต่กรรมฐานเราพุทโธๆ จะเข้าไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปเฝ้าพุทธะกลางหัวใจนี้ไง กลางหัวใจคือพุทธะผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานไง

มันโง่มันเง่าอยู่นี่ มันไม่ตื่นเสียที ถ้ามันตื่นขึ้นมา เราจะเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการกระทำของเราไง ถ้าการกระทำของเราสำนึกถึงถิ่นเกิดสำนึกถึงหัวใจของเรา มันมีสติปัญญาขึ้นมามันจะเป็นประโยชน์กับเรา

ฟังธรรมๆ ตอกย้ำตรงนี้ ตอกย้ำขึ้นมาคุณธรรมมันอยู่ที่กลางหัวใจนี้เป็นปัจจัตตังเป็นสันทิฏฐิโกใจของเรามีความรู้ความเห็นอย่างไร ฟังธรรมๆ แล้วตรวจสอบ ฟังธรรมๆแล้วเทียบเคียงเป็นจริงหรือไม่เป็นจริง เราฟังรู้เลย คนที่ปฏิบัติเป็นนะ ฟังพระพูดรู้หมดว่าพระองค์นี้โกหกหรือไม่โกหก จับได้หมดแหละถ้าคนเป็น โดยหลักอริยสัจมีหนึ่งเดียว ทุกข์สมุทัย นิโรธมรรค เอวัง